

ผู้ฝึกสอนนั้นสำคัญไฉน ที่ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้นักดาบโดยทั่วไปทั้งใหม่และเก่า
ได้มีมุมมองมากขึ้นตามที่ผมจะกล่าวต่อไป
นักกีฬาจะไม่พัฒนาได้เลยโดยไม่มีผู้ฝึกสอน
เพราะอะไร ด้วยนักกีฬาจะไม่รู้ว่าตัวเองต้องพัฒนาอะไรและพัฒนาอย่างไร
ในมุมมองของนักกีฬาจะมองในมุมด้านเดียว คือกับคู่ต่อสู้
แต่ช่วงจังหวะเวลาที่ตนแสดงท่าออกมาให้กรรมการเห็นนั้นมันขัดแย้งกับมุมมองที่กรรมการเห็น
ต้องจำอย่างหนึ่งว่า ในเวทีการแข่งขันนั้น
มีเพียงแค่สามคนเท่านั้นในเกมส์การแข่งขันคือ ตัวนักกีฬา
คู่ต่อสู้และกรรมการผู้ตัดสิน
การต่อสู้ของนักกีฬาที่ใช้สิทธิในประเภทดาบฟอล์ยและเซเบอร์ สำคัญอย่างยิ่ง
ในการแสดงสิทธิให้ผู้ตัดสินได้ชัดเจนไม่ครุมเครือ
ตามกติกาแล้วแม้นว่าจะใช้วีดีโอตัดสิน ก็ยังให้สิทธิในการตัดสินกับกรรมการกลาง
วีดีโอเป็นเพียงเครื่องช่วยกรรมการผู้ตัดสินเท่านั้น
เมื่อเราเข้าใจในระบบการแข่งขันแล้ว
ถ้าจะมีคำถามว่านักกีฬาจะเก่งโดยไม่มีผู้ฝึกสอนได้ไหม คำตอบว่า ได้
แต่นักกีฬาจะไปไม่ถึงจุดสูงสุด เปรียบเทียบได้กับเด็กทารกที่หัดคลานถ้าไม่มีพ่อแม่หรือผู้ฝึกสอน
เด็กจะพัฒนาการคลานให้เร็วขึ้น แต่สำหรับเด็กที่มีผู้ฝึกสอนจะสอนให้เด็กตั้งไข่
ยืนขึ้นและค่อยๆ ก้าวเดิน
มันจะช้ากว่าการคลานแน่นอนแต่เมื่อไรที่เด็กยืนและเดินได้
ก็จะพัฒนาจากเดินเป็นวิ่ง ต่อให้เด็กที่พัฒนาการคลานเร็วเท่าไรก็จะไม่เร็วไปกว่าการเดินและวิ่งอย่างแน่นอน
ดังนั้นจะเปรียบเทียบได้กับนักกีฬาที่เริ่มต้นไม่ถูก
เช่นเดียวกับเด็กที่คลานและจะหลงผิดว่าเขาเคลื่อนที่ได้เร็ว
กว่าเด็กที่เริ่มตั้งไข่ เมื่อกล้ามเนื้อได้พัฒนาผิดไปแล้ว
เด็กที่คลานก็จะไม่สามารถพัฒนาสู้เด็กที่เริ่มต้นโดยการตั้งไข่และเดินได้อย่างแน่นอน
แล้วผู้ฝึกสอนฟันดาบจะสอนอะไร นอกจากระเบียบวินัย คุณธรรม และจริยธรรมรวมทั้ง
การเคารพครูบาอาจารย์แล้วนั้น
การฝึกสอนในแต่ละประเภทดาบมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งระยะและจังหวะ
รวมทั้งปฏิกิริยาการตอบรับ ในประเภทดาบใช้สิทธิ สิ่งที่ผู้ฝึกสอนต้องสอนนักกีฬาและสร้างการใช้สิทธิให้ถูกต้องนั้น
ผู้ฝึกสอนต้องเข้าใจในกฎกติกาอย่างถ่องแท้
และฝึกให้นักกีฬารู้ว่าจะแสดงให้กรรมการเห็นอย่างไรว่าตนเองมีสิทธิอยู่
โดยผู้ฝึกสอนจะจำลองท่าการฝึกให้นักกีฬาฝึกแสดงสิทธิอย่างช้าช้า เมื่อถูกต้อง
ผู้ฝึกสอนก็จะให้จังหวะที่ถูกต้อง
เร็วและช้าสลับกันบางครั้งต้องเร็วบางครั้งต้องช้า
(เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากเพราะถ้าให้จังหวะผิดนักกีฬาจะมีประสาทการตอบรับที่ผิด
) และต้องเรียนรู้การใช้ช่วงกำลังในการแข่งขัน
ช่วงในจะต้องใช้มากและช่วงใดต้องใช้น้อย รวมทั้งผู้ฝึกสอนจะจำลองท่าทางต่างๆ
จนนักกีฬาได้เรียนรู้และสามารถใช้ท่าทางรวมทั้งการแทงหรือฟันได้อย่างเม่นยำ
ในกีฬาฟันดาบ ปฏิกิริยาตอบรับเป็นสิ่งสำคัญมาก ในเกมส์การต่อสู้ จะไม่มีเวลามาคิด
ว่าจะทำอย่างไร แต่นักดาบที่มีประสบการณ์มากกว่าและเคยเจอคู่ต่อสู้ที่หลากหลายกว่า
จะทำให้ สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้มากกว่า แต่อย่างไรก็ตามแรง
และพละกำลังก็มีผลต่อการเล่นฟันดาบแต่จะมีผลน้อยกว่าการเล่นฟันดาบที่ถูกต้อง
จะเห็นได้ว่านักกีฬาหนุ่มๆ หลายคนยังแพ้คนแก่ ที่ไม่มีแรง แต่มีการเล่นที่ถูกต้อง
น.ท.สุรชัย อุดมสุข เริ่มต้นเล่นดาบอย่างไร ผมโดนชักชวนมาเล่นกีฬาฟันดาบ โดย นรร.สมพล ศรีสดใส ประมาณปี ๒๕๓๔ ปี ๒๕๓๕
ติดทีมชาติไปแข่งที่ออสเตรเลียโอเพ่น ได้อันดับที่ ๘ และปี ๒๕๓๖
ได้แชมป์ฟอล์ยบุคคลชิงแชมป์ประเทศไทย
จากประสบการณ์การเป็นนักกีฬาฟันดาบ
เริ่มต้นผมเองไม่ใช่คนเก่งแต่อย่างไร แข่งครั้งแรกๆก็แพ้มาเหมือนกัน แต่ในมุมมองการฝึกนั้นผมได้ศึกษาเรียนรู้มาจากอาจารย์ทองหล่อ
อย่างหนึ่งว่า เราต้องศึกษาคู่ต่อสู้ว่าเขาเล่นแบบไหน และเราจะแก้ไขอย่างไร
และจะฝึกอย่างไร โดยผมจะนำรูปแบบการเล่นที่ผมแพ้มาให้ น้องๆ ในชมรมฟันดาบ
รร.นายเรือ จำลองท่าที่ผมแพ้ เพื่อผมจะได้ฝึกและแก้ไข ทำให้ในการแข่งขันต่อๆ มา
ผมจะเป็นผู้ชนะคนที่ผมเคยแพ้มา ถ้าเขายังไม่เปลี่ยนรูปแบบการเล่น
ต่อมาในการแข่งขันในช่วง ๒ ปีแรกผมยังไม่ประสบความสำเร็จในการได้รางวัลชนะเลิศ
ได้เพียงแค่อันดับ ๒ และ อันดับ ๓ เท่านั้น
จึงได้กลับมาวิเคราะห์ว่าเกิดจากอะไรพบว่าในช่วงการแข่งขันรอบลึกๆ ผมเป็นตะคริว
และไม่มีแรง จึงได้มาเรียนรู้ว่าการใช้แรงว่า
ในรอบใดควรจะใช้แรงมากน้อยเพียงใดเพื่อมีแรงให้ถึงในรอบลึกๆ
ในการแข่งขันแต่ละครั้ง ใช้แรงให้น้อยที่สุด เพียงพอที่จะเป็นผู้ชนะได้
ผมฝึกจนในประเทศไทยไม่มีใครที่สามารถจะชนะผมได้ ผมได้มีโอกาสแข่งขันในไทยเลนด์โอเพ่นครั้งแรกในนามทีมจากกองทัพเรือแข่ง
ที่ รร.เตรียมทหาร สวนลุมพินี ใช้ชื่อว่า Tasa game ถ้าจำไม่ผิดเป็นปีเฉลิมฉลองสมเด็จพระราชินีทรงมีพระชนมายุครบ
๖๐ พรรษา ผมเล่นไม่ได้ เลย ไม่สามารถสู้กับ นักกีฬาจาก เกาหลี หรือจีนได้เลย
จะสูสีกับนักกีฬาจากประเทศ อินโดนีเชีย แต่ก็แพ้ ๕ : ๔ ตอนนั้น อุปกรณ์
ไม่ครบและไม่พร้อม มีเพียง อ.สุจิตร จากเชียงใหม่เป็นผู้คอยดูแลคอยซ่อมดาบให้
ผมจึงได้เรียนรู้การสะบัดดาบจากจีนและเกาหลี โดยนำมาฝึกใช้บริการจากน้องๆ
นักเรียนนายเรืออีกเช่นเคย ในสมัยนั้นผู้ที่เล่นสะบัดดาบมีเพียง ๓ คน คือ พี่ต้น(นายชินวัฒน์ เนือยทอง) พี่ตู่ (นรต.สรรพวัฒน์ สุขศิริ) และผม นรร.สุรชัย อุดมสุข ผมฝึกจนมั่นใจในการสะบัดดาบอย่างมาก ทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง
ทำให้ผมประสบความสำเร็จอย่างมากในการแข่งขันภายในประเทศ ทุกระดับทุกการแข่งขัน
ทั้งเกษตรโอเพ่น จุฬาโอเพ่น ธรรมศาสตร์โอเพ่น ชิงแชมป์ประเทศไทย
ผมได้รางวัลชนะเลิศ ทุกการแข่งขัน จนมีการแข่งขัน ไทยแลนด์โอเพ่นในปีต่อมา
ผมก็ยังไม่สามารถสู้กับนักกีฬาจากเกาหลีและ นักกีฬาจากญี่ปุ่นได้ เลย
เราแพ้เพราะเล่นได้จังหวะเดียว นักกีฬาจากเกาหลีและญี่ปุ่นเล่นได้หลายจังหวะ ผมไม่สามารถสอนให้น้องๆ
ใน รร.นายเรือ ป้อนจังหวะการเล่นที่หลายจังหวะได้
หลังจากแข่งซีเกมส์ครั้งที่ ๑๘ ที่
จ.เชียงใหม่ ผมได้เหรียญทองแดงประเภทบุคคล และ นำทีมได้เหรียญเงิน
เป็นเหรียญที่ผมภูมิใจมากแต่ก็เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้คู่ต่อสู้
เพราะเนื่องจากก่อนการแข่งขัน ๑ ปี จะมีการแข่งขันเซียบเกมส์ที่ประเทศฟิลิปปินส์
สมาคมฟันดาบ ได้ประกาศคัดเลือกนักกีฬาไปแข่งขัน เก็บค่าสมัครคนละ ๑๐๐ บาท
เอานักกีฬา ๒ คน ผมคัดได้ที่ ๑ นรต.วรพจน์
รุ่งกระจ่างได้ที่ ๒ หลังแข่งเสร็จ สมาคมฟันดาบ
จัดประชุมแล้วประกาศไม่เอานักกีฬาฟอล์ยชาย ไปร่วมการแข่งขัน เซียบเกมส์ ด้วยเหตุผลที่ว่าฝีมือต่ำกว่ามาตรฐาน
ต่อจากนั้นด้วยเหตุผลที่ตัวผมเองต้องการก้าวไปสู่จุดที่ไกลที่สุดของกีฬาฟันดาบ
หลังจากจบจาก รร.นายเรือ และรับราชการทหารในตำแหน่งนายทหารไฟฟ้าอาวุธ ร.ล.สงขลา
และเรือไม่ได้ออกราชการได้รับการชักชวนจาก ร.ต.ต.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง
ได้ชวนไปฝึกฟันดาบสากลที่ ชมรมหงโข่ว เชี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
เอาไว้แค่นี้ก่อนและผมจะมาเล่าต่อ มีหลายเรื่องที่น่าสนใจที่พี่ๆ น้องๆ
จะนำไปปรับใช้ได้