งานผู้ฝึกสอน > ชีวิตหลังเลิกการฝึกซ้อมโค้ชที่กรุงโดฮา ประเทศกาต้า
ชีวิตหลังเลิกการฝึกซ้อมโค้ชที่กรุงโดฮา ประเทศกาต้า

ในภาพประกอบด้วย โค้ชมาเลเซีย ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย น.อ.ศูนย์ปืน (รองเลขาธิการ) ท่าน สมหวัง และ ภรรยา อัครราชทูตที่ปรึ่กษา น.ท.โยธินฯ และ จ.อ.ปริญญาฯ  ที่ตลาดเก่าในกรุงโดฮาประเทศกาต้า

ผมได้มีโอกาสไปงานแสดงอาวุธ DIMDEX 2010 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาต้า ระหว่าง 28 มี.ค. ถึง 1 เม.ย. 2010 ในนามของกองทัพเรือ ผมจึงได้มีโอกาสพบกับโค้ช น.ท.โยธินฯ และโค้ช จ.อ.ปริญญาฯ ขณะผักผ่อนหลังการฝึกอย่างเข้มข้นที่กรุงโดฮา ซึ่งทั้งสองมาพร้อมกับเพื่อนที่มาฝึกด้วยกันคือ อินโดนีเซีย มาเลย์เซีย ออสเตรเลีย เพื่อหาเบียร์ดื่มกัน แต่แล้วทั้งหมดก็ต้องผิดหวังเพราะที่นั่นเขาไม่อนุญาติให้ขายเครื่องดืมประเภทแอลกอฮอล์เลย นอกจากจะอยู่ในโรงแรมที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เท่านั้น ซึ่งในรูปคือสถานที่ท่องเที่ยวของชาวโดฮาที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโอฮา เป็นตลาดขายของทุกประเภท โดยเฉพาะอาหาร นอกจากนั้นยังมีถนนคนเดิน และมีภัตราคารจำนวนมากตั้งอยู่  ผู้คนชาวกาต้าคล้ายกับคนในยุโรปใต้ส่วนหนึ่งก็คือ พวกเขาทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า แล้วเลิกประมาณบ่ายสอง จากนั้นก็กลับบ้านได้เลยเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันประมาณบ่ายสองครึ่ง หลังจบรับประทานอาหารก็มีเวลาผักผ่อนจนใกล้พระอาทิตย์ตกก็ออกมาเดินชายหาดแล้วก็พาลูกๆ เดินเที่ยวไปสวนสาธารณะ เล่นกัน จากนั้นจึงไปเดินแถวตลาดเพื่อหาซื้อของ และรับประทานอาหารนอกบ้าน ที่นี่เขาชอบสูบชิชามาก ซึ่งเป็นไอน้ำผสมกลิ่นผลไม้ ซึ่งหากเราเดินไปตามท้องถนนคนเดินแล้ว จะเห็นพวกเขาสูบมันอย่างมีความสุขและก็มีกลิ่นหอมด้วย  ผมได้พูดคุยกับโค้ชทั้งสองอยู่นานพอสมควร เกี่ยวกับความเป็นอยู่ ซึ่งทั้งสองก็บอกว่าอยู่อย่างสบายเพราะสนามฟันดาบนั้นอยู่ติดกับโรงแรมเลย ชื่อโรงแรมที่เขาพักก็คือ เลอพารค์  มีอาหารเลี้ยงที่โรงแรมสามมื้อเลย เรียกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกิน ส่วนการซ้อมนั้น ก็เป็นการสอนโค้ชฟอยล์ระดับเบสิค ซึ่งก็ดีทำให้โค้ชทั้งสองมีพื้นฐานที่ดีในการนำกลับมาฝึกให้กับนักกีฬาไทยต่อไป   อย่างไรก็ตามโค้ชทั้งสองบอกว่าเงินไม่ค่อยพอใช้นัก เพราะที่นี่ค่าครองชีพค่อนข้างสูง ไปไหนมาไหนก็ต้องใช้รถยนต์ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางหากต้องการไปเที่ยวผักผ่อน  ส่วนอากาศที่นี่ในฤดูนี้ กลางวันจะร้อนพอสมควรครับคือประมาณ 35 องศา  แต่ว่ามันไม่มีเหงื่อ เพราะร้อนแห้งแบบทะเลทราย ส่วนกลางคืนอยู่ที่ 18 องศาครับ อย่างไรก็ดี กรุงโดฮานี้ติดทะเลครับซึ่งสวยมากทีเดียว การจัดการถนนก็พอใช้ได้ แต่ว่ามีปัญหาเรื่องรถติดในเวลาเร่งด่วนเช่นกัน โรงแรมส่วนใหญ่ก็ติดอยู่กับทะเลแทบทั้งหมด ลักษณะบ้านเมืองก็มีตึกใหญ่โตจำนวนมากตามชายฝั่ง แต่ตึกพวกนี้เป็นตึกใหม่ที่โดฮาสร้างขึ้นเพื่อทำเป็นย่านธุรกิจ ตึกพวกนี้หลายตึกยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและหลายตึกก็ยังไม่มีคนอยู่แต่กลางคืนก็เปิดไฟเพื่อให้ดูสวย โดฮามีท่าเรือขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่การขนส่งทางเรือนั้นยังไม่มีมากนัก แต่เมื่อเทียบกับการขนส่งทางอากาศของเขานี่มีเครื่องบินใหม่จำนวนเยอะมาก คาดว่าโดฮาจะกลายเป็นศูนย์กลางด้านการบินในตะวันออกกลางทีเดียว เพราะที่นี่มันอยู่กึ่งกลางระหว่างเอเซียกับยุโรป ทำให้การบินจากที่นี่ไปยุโรปสะดวก และถูกกว่าด้วยเนื่องจากน้ำมันที่นี่ถูกมากอย่างไม่น่าเชื่อ คือลิตรละ 9 บาทประมาณนั้น สำหรับเงินของโดฮาก็คือ 3 เรียว เท่ากับ 1 ดอลล่าร์โดยประมาณ  เนื่องจากทั้งสองท่านต้องมีภาระในการออกเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวในหลายเรื่องโดยเฉพาะค่าตั๋วเครื่องบินที่ต้องออกเองครึ่งหนึ่ง ประกอบกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวในการเดินทางหากต้องการผักผ่อน ซึ่งที่นี่ก็มีไม่มากนักเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายที่มีพื้นแข็งมีฝุ่นคล้ายลูกรังแต่สีมันออกขาวๆ จึงทำให้ความเป็นอยู่ค่อนข้างอึดอัดทีเดียวสำหรับคนไทยที่เคยอยู่ในประเทศที่มีต้นไม้จำนวนมาก ในขณะที่โดฮานั้นมีแต่ต้นปาลม์ จะหาต้นไม้ใหญ่แทบไม่ได้ได้เลย ทางผมจึงได้มอบเงินช่วยเหลือให้กับโค้ชทั้งสองคนละ 100 US$ เพื่อช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว และได้มอบซิมคาร์ดแถมไปให้เขาทั้งสองเพื่อใช้ในการติดต่อกับทางสถานทูตไทยที่กรุงโอฮาหากมีปัญหาในเรื่องความเป็นอยู่   อนึ่งกรุงโดฮานี่ปลอดภัยมาก ผู้คนก็ใจดี โอบอ้อมอารี จึงนับว่าหากตัดเรื่องธรรมชาติที่เป็นทะเลทรายได้แล้ว โดฮาก็น่าจะเป็นศูนย์กลางการค้าและกีฬาโลกได้

หวังว่าน้องๆ นักดาบที่สนใจอยากจะเป็นโค้ชในอนาคนจะได้เดินตามรอยเท้าของพวกพี่ๆ เขาไปศึกษาโค้ชในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีทุนอย่างนี้ที่มอบให้จาก FIE ทุกปี  และทางสมาคมฟันดาบชุดปัจจุบันก็ต้องการส่งเสริมให้ส่งนักกีฬาผู้ที่สนใจไปศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิดทำการสอบ ภาษาอังกฤษ ทั้งพูด ฟัง อ่าน และเขียน รวมไปถึงทักษะเบื้องต้นของกีฬาฟันดาบ และสุดท้ายคือ ทัศนะคติที่มีต่อสมาคมฟันดาบและภาพรวมของการฟันดาบประเทศไทยที่จะไปให้ถึงโอลิมปิค     จึงขอให้น้องที่สนใจตระเตรียมตนไว้เสมอ เผื่อจะได้รับการคัดเลือกไปอย่างพี่ นวลจันทร์ พี่ปริญญา และพี่ โยธิน  หลังจากกลับมาแล้วทางสมาคมก็สามารถจ้างให้เป็นโค้ชให้กับสมาคมเป็นช่วงๆ ได้ด้วย ดังนั้นอาชีพโค้ชนั้นมันก็ไม่เลวนะ ไปต่างประเทศก็บ่อย แถมมีอาชีพเฉพาะด้วย ใครสนใจก็เตรียมตัวไว้ ตอนนี้เราส่งไป 3 คนแล้ว คาดว่าเราจะจัดส่งไปเรื่อยๆ  และไม่ต้องห่วงเรื่องการสอบเราโปร่งใส ใครเก่งก็ได้ไปไม่มีเส้นแน่นอน