งานผู้ฝึกสอน > ทฤษฏีกับการพัฒนาความสามารถครูดาบ
ทฤษฏีกับการพัฒนาความสามารถครูดาบ

ที่มาของทฤษฏีดาบและความจำเป็น คุณคิดว่าโค้ชจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีความเข้าใจในทฤษฏีดาบ  อาจมีโค้ชหลายท่านโต้แย้งบทความนี้ของผมว่าไม่เห็นจะต้องมีทฤษฏีดาบเท่าใดผมก็เป็นโค้ชที่สั่งสอนนักกีฬาจนมีความสามารถได้ บทความนี้จะชี้ให้เห็นว่าทฤษฎีดาบมีความสำคัญมากเพียงใดต่อการพัฒนาความสามารถของครูดาบและปรมาจารย์ดาบ สำหรับทฤษฏีมาจากคำภาษาอังกฤษว่า Theory หรือมาจากรากศัพท์  Latin ว่า the?ria แปลว่า To see clearly. นั้นหมายความว่าทฤษฎีทำให้เราเห็นสิ่งต่างๆอย่างชัดเจนมากขึ้น  เปรียบได้เหมือนกับเราจะทำความเข้าใจการทำงานของรถยนต์ สิ่งแรกก็คือ เราจะต้องทำความเข้าใจของส่วนประกอบของรถยนต์ด้วยการถอดมันเป็นชิ้นๆ จากนั้น จึงทำความเข้าใจในการทำงานของมัน หากถามว่าเมื่อเข้าใจการทำงานแต่ละชิ้นแล้วรถยนต์ทำงานได้หรือไม่ คำตอบก็คือไม่   ดังนั้นเราจึงต้องนำชิ้นส่วนเหล่านั้นประกอบกลับคืนเป็นรถยนต์ใหม่อีกครั้ง แล้วลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดูว่ามันทำงานได้หรือไม่ ทฤษฎีการทำงานของเครื่องยนต์จึงมีประโยชน์มากทั้งในการทำความเข้าใจในแต่ละส่วน และการทำงานร่วมกันของส่วนประกอบต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น หากขาดซึ่งทฤษฏีก็ยากที่จะทำการศึกษาเข้าใจการทำงานของรถยนต์ได้อย่างลึกซึ้ง พูดง่ายๆก็คือ หากไม่มีการเรียนทฤษฏีก่อนการถอดชิ้นส่วนของเครื่องยนต์จะทำได้ยากยิ่งโดยเฉพาะช่างเครื่องยนต์มือใหม่ย่อมทำได้ยากมาก และเมื่อมีความเข้าใจในการทำงานของชิ้นส่วนต่างๆ เป็นอย่างดีแล้วก็จะเกิดแนวคิดในการพัฒนาชิ้นส่วนเหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นทดแทนชิ้นส่วนเดิม ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าครูดาบและปรมาจารย์จึงต้องผ่านการสอบและเขียนวิทยานิพนธ์เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในทฤษฏีดาบ เพราะครูดาบและปรมาจาร์ย์ดาบไม่ใช่แค่เป็นผู้ฝึกสอนเท่านั้น แต่เขาคือแนวหน้าของผู้ค้นคิดยุทธวิธีดาบแบบใหม่ๆ เพื่อนำไปใช้ในการแข่งขัน หากเราไม่สนใจในทฤษฎีดาบก็เหมือนกับการเรียนการถอดประกอบเครื่องยนต์โดยไม่มีคู่มือซ่อมรถ จึงยากที่ครูดาบจะสามารถพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ได้ ทฤษฎีดาบจึงเป็นเหมือน Manual ของการฟันดาบให้ผู้สนใจศึกษาสามารถแยกแยะส่วนประกอบของการฟันดาบได้อย่างชัดเจนนั่นเอง   ทีนี้เรามาดูทฤษฏีดาบดังต่อไปนี้กันดูว่าจะช่วยให้ท่านมีความเข้าใจการฟันดาบมากยิ่งขึ้นขนาดไหน


ตัวอย่างทฤษฏีการฟันดาบ

 

Zbigniew Czajkoweki กล่าวว่า "to look is not the same as to see, to see is not the same as to perceive.  We perceive, really--on a higher, conceptual-functional level--only what we know, understand well and can give a name to." หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า การมองไม่เหมือนกับการเห็น และการเห็นก็ไม่เหมือนกับการสัมผ้สรู้ (เข้าใจในการทำงานที่ลึกซึ้ง) ซึ่งสิ่งที่เราสัมผัสรู้นั้นก็คือ สิ่งที่เราเข้าใจและสามารถกำหนดชื่อให้กับมันได้

 

เขาได้เขียนบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกระทำในดาบหรือ Fencing Action  โดยเขาได้ชี้ให้เห็นว่าการจะวิเคราะห์การฟันดาบของฝ่ายตรงข้ามให้ได้จำเป็นอย่างยิ่งต้องเข้าใจในทฤษฏีดาบเสียก่อน เพราะมันจะเป็นพื้นฐานให้เราสามารถแยกแยะการกระทำของคู่ต่อสู้ได้อย่างละเอียดและสามารถนำไปสังเคราะห์หาวิธีการแก้ไขการกระทำของคู่แข่งได้  แต่ถ้าหากเราไม่มีทฤษฎีดาบแล้วละก็เราก็จะเป็นการยากในการเข้าใจ  ยิ่งไปกว่านั้นจะทำให้เรายิ่งเบื่อในการดูดาบไปเลย

 

เขาได้แบ่งการกระทำในการฟันดาบออกเป็น 2 ส่วน คือ (1) การเตรียมการ และ (2) การทำจริง

 

การเตรียมการ การเตรียมการมีวัตถุประสงค์อยู่ 6 ประการคือ

 

          1. ประเมินจุดอ่อนของคู่แข่งขัน และเป็นการทำความเข้าใจภาวะจิตวิทยายา และสถานการณ์จริงบนสนามแข่ง

          2. ปกปิดความตั้งใจของตน

          3. ชักนำให้คู่แข่งขันเข้าใจผิดด้วยการลวง

          4. ดึงให้คู่แข่งกระทำในบางสิ่งและพยายามที่จะมีอิทธิพลเหนือการกระทำของคู่แข่ง

          5. เคลื่อนที่ไปอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ เพื่อทำให้มีอิสระในการเล่น หรือเพื่อให้สามารถริเริ่ม และเตรียมการเข้าโจมตีหรือกระทำการใดๆ ต่อไป

          6. กีดขวางหรือทำลายสมาธิและการประเมินสถานการณ์ของคู่แข่งขัน

 

          การกระทำจริง การกระทำจริงกระทำเป็นการลงดาบไปยังเป้าเพื่อให้ได้แต้มไม่ว่าจะเป็นการลงดาบตรงไปที่เป้าโดยตรงหรือโดยอ้อม (มีความตั้งใจที่สอง) การกระทำจริงนี้สามารถแบ่งได้เป็น (1)การกระทำเชิงรุก (2) การกระทำเชิงรับ (3) การโต้การรุก

 

การกระทำเชิงรุก  ประกอบด้วย

 

          1. การเข้าทำ หรือ Attack

          2. การโจมตีกลับหลังจากทำการรับดาบของคู่ต่อสู้ (Repostes)

          3. การโจมตีหลังจากที่ทำการรับดาบจากการ Repostes ของคู่แข่ง (Counter-ripostes)

          4. การโต้ต่อการชิงจังหวะเข้าทำของคู่ต่อสู้ด้วยการเข้าไปรับดาบฝ่ายที่ชิงจังหวะและทำการโต้กลับ (Counter-time) อันนี้ใช้กับการแก้การสกัด

          5. การกระทำการเชิงรุกใหม่ หรือ Renewed offensive action ซึ่งได้แก่ Remise หรือการกระทำการรุกต่อเนื่องทั้งที่ตนเองลงดาบแล้วไม่โดนเป้าหรือทั้งที่ถูกรับดาบแล้วก็ยังลงดาบเข้าหาเป้าต่อไปโดยไม่มีการดึงแขนกลับ, Reprise หรือการกระทำโจมตีต่อเนื่องหลังจากที่ลงดาบแล้วพลาดเป้าหรือถูกรับดาบแล้ว ซึ่งต่างจาก Remise ตรงที่ผู้กระทำได้ถอนตัวกลับหรือดึงแขนกลับมาอยู่ในท่าจดดาบก่อนที่จะโจมตีเป้าหมายต่อไป, Redouble เป็นการกระทำเช่นเดียวกับ Reprise แต่กระทำในแนวใหม่ โดยกระทำการเคลื่อนใบดาบมากกว่าหนึ่งจังหวะก่อนลงดาบ ในขณะที่ Reprise เคลื่อนใบดาบจังหวะเดียวก่อนลงดาบ

 

การกระทำโต้การรุก ประกอบด้วย

 

          1. Point in Line หรือชี้ดาบในแนว

          2. Counter Attack ซึ่งเป็นการโต้ต่อคู่แข่งขันที่ได้กำลังเข้าทำ (ได้สิทธิเข้าทำ) เช่น การสกัดแล้วหลบเพื่อหนีจากการลงดาบของคู่ต่อสู้ หรือ การสกัดพร้อมกับขืนใบดาบของฝ่ายตรงข้ามไปในทิศทางที่ไม่เป็นคุกคามเป้า (Opposition) หรือ การสกัดพร้อมหลบใบดาบของคู่แข่งในกรณีที่คู่แข่งขันเข้าทำด้วยการปัดดาบ

 

การกระทำเชิงรับ ประกอบด้วย

 

          1. การรับดาบ

          2. การหลบ

          3. การถอย

 

          นี่คือกรอบที่ทำให้เราสามารถวิเคราะห์การกระทำของนักดาบได้ว่าขณะนั้นเขากำลังจะทำอะไร เตรียมการหรือว่าทำจริง  หากเตรียมการเข้าทำนั้นเขาเตรียมการอย่างไร หรือทำจริงเขาทำอย่างไร จะทำให้การวิเคราะห์ของโค้ชง่ายขึ้นและลึกซึ้งขึ้น เพราะอย่างไรเสียการกระทำของนักดาบก็มีไปไม่มากกว่านี้ละครับ